หน้าเว็บ

ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม

ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม

วันอังคารที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

Buffalo Ministration Metro ฮาร์ดไดรฟ์ดีไซน์สวย สะดวกพกพา

บัฟฟาโล มินิสเตชัน เมโทร (Buffalo MiniStation Metro) ฮาร์ดไดรฟ์ขนาดพกพา ดีไซน์ใหม่ขนาดเล็กกะทัดรัดพรั่งพร้อมด้วยคุณสมบัติพิเศษเฉพาะ และฟีเจอร์ต่างๆ ที่ตอบสนองความต้องการใช้งาน
บัฟฟาโล มินิสเตชัน เมโทร (Buffalo MiniStation Metro) อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบพกพาได้อย่างยอดเยี่ยม ตัวเครื่องสีดำ แดง และขาวมีดีไซน์ที่สวยเก๋ ที่มาพร้อมเทคโนโลยีบัมเปอร์บอดี้ (BumperBody) ที่จะปกป้องข้อมูลช่วยป้องกันแรงกระแทกจากภายนอก เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายขึ้นกับข้อมูล หากมีการกระทบกระเทือนจากการใช้งาน และความแข็งแกร่งมีความจุที่หลากหลายให้เลือกใช้ได้ตามต้องการโดยสามารถพกพา ฮาร์ดไดรฟ์ที่มีความจุสูงสุดถึง 500 กิกะไบต์ และที่สำคัญใช้งานง่ายด้วยการติดตั้งแบบอัตโนมัติ

Buffalo Ministration Metro
Buffalo Ministration Metro ฮาร์ดไดรฟ์ดีไซน์สวย สะดวกพกพา


ฮาร์ดไดรฟ์แบบพกพา บัฟฟาโล มินิสเตชัน เมโทร มีความจุที่สามารถเก็บข้อมูลได้ตั้งแต่ขนาด 250 กิกะไบต์, 320 กิกะไบต์ และ 500 กิกะไบต์ ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการแบ็คอัพงานต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี มีความเร็วในการการถ่ายโอนข้อมูลสูงถึง 480 เมกะบิตต่อวินาที การเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยพอร์ตแบบ USB 2.0 ด้วยสายเคเบิลที่ติดอยู่ด้านข้างตัวเครื่องสะดวกในนำมาการใช้งานและจัดเก็บ ด้วยเทคโนโลยี เทอร์โบยูเอสบี (TurboUSB) ช่วยให้การถ่ายโอนไฟล์ข้อมูลจากอุปกรณ์หนึ่งต่อไปยังอุปกรณ์อื่น ๆ ทำได้อย่างฉับไวและสะดวกยิ่งขึ้น สามารถจัดเก็บและถ่ายโอนไฟล์ภาพดิจิตอลด้วย Google Picasa ทั้งสามารถจัดเก็บเพลงต่าง ๆ และไฟล์อื่นๆ ได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่บนไดรฟ์หลักของเครื่องพีซี

นอกจากนี้ บัฟฟาโล มินิสเตชัน เมโทร (Buffalo MiniStation Metro) ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้สูงมากยิ่ง ขึ้นด้วย ซีเคียวล็อคแวร์ (SecureLockWare) ซอฟต์แวร์สำหรับปกป้องข้อมูลจากการถูกขโมย, การจากการผิดพลาดในการจัดเก็บข้อมูล และการเข้าถึงข้อมูลจากผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาต จึงทำให้ บัฟฟาโล มินิสเตชัน เมโทร (Buffalo MiniStation Metro) มีความปลอดภัยในระดับสูง สามารถใช้งานได้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ และเครื่องแมคอินทอช

จุดเด่นผลิตภัณฑ์
- มีน้ำหนักเบา แข็งแรง พกพาสะดวก
- ซอฟต์แวร์ TurboUSB ที่เพิ่มความเร็ว USB2.0
- ความเร็วในการการถ่ายโอนข้อมูลสูงถึง 480 เมกะบิตต่อวินาที
- สามารถติดตั้งได้เองโดยอัตโนมัติ โดยไม่ต้องใช้งานไดรฟ์เวอร์
- สนับสนุนยูเอสบี 2.0 และ 1.1
- ซอฟต์แวร์ SecureLockWare สำหรับปกป้องข้อมูลจากการถูกขโมย, ป้องกันจากการผิดพลาดในการจัดเก็บข้อมูล
- เทคโนโลยี BumperBody ปกป้องข้อมูลช่วยป้องกันแรงกระแทกจากภายนอก
- ซอฟต์แวร์ Memeo AutoBackup สำหรับคอมพิวเตอร์ในระบบ Windows และ Macintosh ช่วยให้การจัดเก็บรวมถึงการอ่านหรือเขียนและ แชร์ข้อมูลปลอดภัย
- สนันสนุน Time Machine สำหรับการแบ็คอัพข้อมูล
- Full-Disk Encryption ระบบการเข้ารหัสเพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาตในฮาร์ดไดรฟ์หรือระบบที่สูญหายหรือถูกขโมยไป

คุณสมบัติทั่วไป

Internal Hard Drives
- Number of Drives : 1
- Drive Interface : SATA
- Hard Drive Sizes : 250GB, 320GB, 500GB

Interface
- Standard Compliance : USB 2.0 / 1.1
- Connector Type : Mini B type
- Number of Ports : 1
- Data Transfer Rates : Max. 480 Mbps

Others
- Dimensions (W x H x D in.) :5.3 x 3.6 x 0.8
- Weight (oz.) : 8.5
- Power Supply : DC5V (Power supplied through USB)
- Power Consumption : Max. 2.5W
- Client OS Support : Windows Vista , Windows XP, Windows2000, MacOS X 10.4 or later


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

แอบดู!!! ขั้นตอนผลิต"ยูเอสบีไดรฟ์"

แอบดู!!! ขั้นตอนผลิต"ยูเอสบีไดรฟ์"





เรื่องบางเรื่องเราพบเห็นกันทุกวันจนเคยชิน ก็เลยไม่ได้นึกสงสัยอะไร แต่แล้วก็มีคนตั้งคำถามที่ผมเชื่อว่า คุณผู้อ่านหลายๆ ท่านก็คงอยากจะทราบเหมือนกัน นั่นก็คือ แฟลชไดรฟ์ ยูเอสบีไดรฟ์ หรือธัมบ์ไดรฟ์ ที่แล้วแต่ใครจะเรียกนั้น มันมีขั้นตอนการผลิตอย่างไร? ทำไมถึงมีราคาถูกลงเรื่อยๆ เพราะมันทำง่ายอย่างนั้นหรือ?


คลิ ปวิดีโอที่นำมาฝากเป็นการติดตามเข้าไปเก็บขั้นตอนการผลิตยูเอสบีไดรฟ์ในโรง งานผลิตของ Kingston ที่ตั้งในกรุงไทเป ประเทศไต้หวัน โดยเริ่มตั้งแต่พิมพ์ลายวงจร ติดชิป ตรวจสอบ ประกอบคอนเน็คเตอร์ ตัดแบ่งแยกชิ้น ตรวจสอบอีกครั้ง ก่อนจะนำไปประกอบตัวถังด้วยสีสันต่างๆ แล้วยังต้องมีการทดสอบในขั้นตอนสุดท้ายอีกครั้งกว่าจะได้ยูเอสบีไดรฟ์ที่ สมบูรณ์พร้อมจำหน่าย






รับรอง ว่า คุณผู้อ่านจะต้องทึ่งกับขั้นตอนการทำงานที่แม่นยำจนน่าอัศจรรย์ โดยจะไม่รู้สึกเบื่อตลอดแปดนาทีครึ่งที่ได้ชม...คอนเฟิร์ม!!!



+[Click...เชิญชมวิดิโอสาธิตการใช้งาน]+
 
 
 


3BB ให้ลูกค้าใช้ไวไฟฟรีช่วงน้ำท่วมที่เซ็นทรัล

3BB ให้ลูกค้าใช้ไวไฟฟรีช่วงน้ำท่วมที่เซ็นทรัล

 




            3BB เปิดประสบการณ์ความแรง เพื่อเอาใจผู้ประสบภัยน้ำท่วม สัมผัส Super WiFi ฟรีที่ 3BB Central Digital Service ที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลทุกสาขาทั่วประเทศ เพียงแค่นำใบเสร็จจับจ่ายซื้อของจำนวนเท่าใดก็ได้มาแสดง…
นายหฤษฎ์ พิชญางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัททริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้ สถานการณ์บ้านเราประสบปัญหาอุทกภัยในหลายพื้นที่ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ซึ่ง 3BB ก็อยากจะเป็นกำลังใจกับทุกๆคน สู้กับวิกฤติน้ำท่วมในครั้งนี้ โดยมอบ Wi-Fi  ฟรี ให้ได้ลองสัมผัสประสบการณ์ความแรงกับอินเทอร์เน็ตไร้สายที่แรงที่สุด กับ Super Wi-Fi Hotspot Free Trial ฟรี ให้ได้เล่นนานถึง 60 นาที สำหรับเฉพาะลูกค้า 3BB และในส่วนของลูกค้าที่แวะเข้าไปช็อปปิ้งที่ห้างเซ็นทรัล เพียงนำใบเสร็จรับเงินในการจับจ่ายซื้อของจำนวนเท่าใดก็ได้มายื่นที่ 3BB Central Digital Service  แค่นั้น ก็สามารถรับ Super Wi-Fi Hotspot Free Trial ไปนั่งเล่นสบายๆ 


           สำหรับ 3BB Central Digital Service เป็นโซนพื้นที่อันทันสมัย ที่ให้บริการในรูปแบบที่ครบวงจรของ 3BB ลูกค้าสามารถเข้าไปใช้บริการ และสัมผัสกับ Super Wi-Fi ฟรี ได้แล้ววันนี้ถึง 31 ธันวาคม 2544 โดยตอนนี้ได้เปิดบริการแล้ว ได้แก่ เซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัลสาขาแจ้งวัฒนะ ปิ่นเกล้า พระราม 2 พระราม 3 รัตนาธิเบศร์ บางนา รามอินทรา ในส่วนของต่างจังหวัดก็จะมีจังหวัดเชียงราย ชลบุรี พัทยาเซ็นเตอร์ พิษณุโลก และจังหวัดเชียงใหม่ จะเปิดเร็วๆ นี้ ที่เซ็นทรัล แอร์พอร์ต

คิงส์ตันเปิดตัว SSDNow V200 แรงกว่าเดิม 2 เท่า

คิงส์ตันเปิดตัว SSDNow V200 แรงกว่าเดิม 2 เท่า

 




              คิงส์ตัน เปิดตัวโซลิตสเตท ไดร์ฟ SSDNow V200 โดดเด่นด้วยประสิทธิภาพเหนือชั้นกว่า V100 ถึงสองเท่า โดยถือเป็น SSD ประสิทธิภาพสูงที่มีราคาย่อมเยาที่สุดในท้องตลาด โดยมีให้เลือกทั้งชุดอัพเกรดโน้ตบุ๊ก และ SSD อย่างเดียว…

            
              บริษัท คิงส์ตัน เทคโนโลยี ประเทศไทย ผู้ผลิตและพัฒนาหน่วยความจำรายใหญ่ของโลก เปิดตัว SSDNow V200 รุ่นใหม่ล่าสุดในตระกูล V Series ที่ให้ผู้ใช้เรียกคืนข้อมูลในคอมพิวเตอร์ และช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างดี SSDNow V200 มาพร้อมคุณสมบัติและประสิทธิภาพ สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการอัพเกรด และเพิ่มประสิทธิภาพของคอมพิวเตอร์ในราคาย่อมเยา โดย SSDNow V200 SATA Rev 3.0 (6Gb/s) มาพร้อมความเร็วเหนือกว่ารุ่น V100 ถึงสองเท่า และยังมีราคาต่ำกว่า V100 จึงเป็นหนึ่งในไดร์ฟ SSD ประสิทธิภาพสูงราคาย่อมเยาที่ดีที่สุดในท้องตลาด ณ ตอนนี้ ด้วยประสิทธิภาพที่เหนือกว่า และราคาที่ต่ำกว่านี้ SSDNow V200 จึงเหมาะสำหรับผู้ใช้ที่กำลังมองหาโซลูชันการจัดเก็บข้อมูลแบบแฟลช เพื่อการอัพเกรดคอมพิวเตอร์โดยเฉพาะ

              SSDNow V200 มีให้เลือกทั้งขนาดความจุ 64GB, 128GB และ 256GB และมีให้เลือกทั้งแบบไดร์ฟ SSD อย่างเดียว และชุดอัพเกรดเพื่อการติดตั้งอย่างสะดวกและง่ายดาย โดยชุดอัพเกรดสำหรับคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป ประกอบด้วยไดร์ฟ SSD ซอฟต์แวร์โคลนฮาร์ดดิสก์ วีดิโอสาธิตขั้นตอนการติดตั้งในรูปแบบดีวีดี สายเคเบิล (สายข้อมูล SATA และสายไฟ) ขายึดและฮาร์ดแวร์สำหรับฮาร์ดดิสก์ขนาด 3.5 นิ้ว ส่วนชุดอัพเกรดสำหรับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กประกอบด้วยไดร์ฟ SSD ซอฟต์แวร์โคลนฮาร์ดดิสก์ วีดิโอสาธิตขั้นตอนการติดตั้งในรูปแบบดีวีดีและซองหุ้มขนาด 2.5 นิ้ว เพื่อการถ่ายโอนข้อมูล และระบบปฏิบัติการจาก HDD ลงสู่ SSD ทั้งนี้ไดร์ฟ SSD ของคิงส์ตันรับประกันสามปีพร้อมบริการช่วยเหลือด้านเทคนิคฟรี

วันอังคารที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

Window 8 พร้อมออกสู่สายตา

Window 8 พร้อมออกสู่สายตา











มีข่าวลือ เกี่ยวกับวินโดวส์เวอร์ชั่น 8 ออกมาเป็นระลอก แม้บางท่านจะรู้สึกอยากทวนกระแสด้วยการไม่สนใจ แต่หลายท่านที่ว่าก็นั่ง คลิ๊กนิ้วบนหน้าต่างวินโดวส์อยู่ หลักฐานคามืออย่างดิ้นไม่หลุด เมื่อเดือนก่อนเราได้นำเสนอ ฟีเจอร์เบื้องต้น ที่คิดว่าจะปรากฎในวินโดวส์8 ไปแล้ว และดูเหมือนว่าไมโครซอฟท์เองก็พยายามอย่างหนัก ที่จะออกเวอร์ชั่น 8 ทั้งบน PC ทั้งบน แท็บเล๊ตให้ได้ภายในปีนี้






เพราะรอบการพัฒนาแพรตฟอร์มแต่ละเจ้า แต่ละคู่แข่ง นั้นใช้ระยะเวลาที่สั้นลง พัฒนาได้เร็วขึ้น ทางไมโครซอฟท์เอง แม้จะยัง debugging ส่วนต่างๆ ไม่เสร็จ แต่ก็ไม่อยากหลุดจากวงสนทนาสภากาแฟเทคโนยามเช้า จำต้องปล่อยข่าวเวอร์ชั่น 8 ออกมาเรื่อยๆ





maximumpc — ล่าสุดทางไมโครซอฟท์ได้ส่งสัญญาณทีไม่ได้เป็นเพียงข่าวลือจริงๆ อีกต่อไป เพราะสัปดาห์หน้าจะมีการจัด งานสัมมนาประจำปีด้านไอที (AllThingD 2011 ) ที่ได้รับการยืนยันแล้วว่า “Steven Sinofsky” หัวหน้าทีมพัฒนา Windows จะพรีเซ้นส์เปิดตัว Windows 8 ในส่วนของการติดต่อผู้ใช้ ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นสำหรับแท๊บเล๊ต




“Steven Sinofsky” หัวหน้าทีมพัฒนา Windows




โดยที่รายละเอียดนั้น ตรงกับข่าวลือก่อนหน้านี้ ที่ Windows 8 จะประมวลผลบนแท็บเล๊ต ด้วยชิป ARM ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนของการโยกย้ายโค้ดการทำงาน และเราน่าจะได้เห็นอินเตอร์เฟสการใช้งานจริง ที่น่าจะใกล้เคียงกับข่าวลือเมื่อครั้งก่อน สำหรับงาน AllThingD นี้ มักจะถูกใช้ในการนำเสนอโปรดักส์ใหม่ๆ อยู่เรื่อย ทั้ง Surface computer (2007) และการทัชสกรีนใน Windows 7 (2008) ประกอบกับเป็นช่วงเวลาปิดงบประจำปีของไมโครซอฟท์ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดหรือเกิดการเลื่อน เราจะได้เห็น Windows8 บนแท็บเล๊ตแพร๊ตฟอร์ม ในปีนี้ไม่อย่างนั้นไมโคซอฟท์คงรนรานน่าดู เมื่อเห็น Android ขนมเวอร์ชั่นใหม่ จากฝั่งกูเกิ้ล หรือ ios5 ออกมากวาดคะแนนแฟนคลับไปหมด!!




Surface computer เทคโนโลยีแห่งอนาคต




— 7 อะไร? ใหม่จริง วินโดวส์ 8 ! —



ARM Chip “Steve Ballmer” ได้พรีเซ้นส์ การทำงานร่วมกันระหว่าง ชิป ARM กับ Windows8 บนแท็บเล๊ต ในงาน CES เมื่อมกราคมที่ผ่านมา โดยที่มีข่าวลือเรื่องชิพ ARM ออกมาก่อนหน้านี้ และมันก็เป็นเช่นนั้นจริง ซึ่งหากเทียบโปรเซสเซอร์รุ่นดังกล่าวกับแพรตฟอร์มอย่าง Android หรือ ios จุดเด่นอย่างชัดเจนสุดๆ จะเป็นเรื่องของการประหยัดพลังงาน




Touch it Easy - นอกเหนือจากจากเรื่องของ Task manager ที่ควบคุมการใช้งาน แอพพลิเคชั่นต่างๆ แล้วในส่วนของ บราวเซอร์ก็ถูกออกแบบเพื่อความเข้ากันได้อย่างดีเยี่ยม บนระบบปฎิบัติการ รูปแบบการปลดล๊อกทัชสกรีนที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้ ง่ายต่อการทำความเข้าใจ ซึ่งลักษณะจะคล้ายกับ แอนดรอยด์แพรตฟอร์มนั่นเอง




Ribbons Galore - มีการเปลี่ยนแปลง บน PC เวอร์ชั่น ที่ชัดเจนในส่วนของ Windows Explore ที่หยิบยืมอินเอตร์เฟสใน Microsoft Office มาใช้ ตรงส่วนของ เมนูริบบ้อนด้านบน






Windows Task Manager - ระบบการจัดการทรัพยากรเพื่อควบคุมพลังงานในเครื่อง จะทำได้อย่างดีขึ้น ในวินโดวส์เวอร์ชั่น8 ออนโมบายด์เราจะเห็นการยัดระบบ Task Manager เข้าไปบนตัวระบบเลยโดยที่ไมไ่ด้เป็นเพียง แอพพลิเคชั่นปิดการใช้งาน โปรแกรมส่วนเกินเหมือนใน แอนดรอยด์หรือไอโอเอส




Immersive Browser - ในสกรีนชอต ของ Windows 8 alpha โชว์ให้เห็นการแสดงผลของบราวเซอร์ ที่สามารถดูเว็บไซต์ได้แบบ Full Screen ลักษณะเดียวกับ Metro browser ที่รันบนวินโดวส์7 ออนโมบายด์ เราจะได้เห็นแบบเดียวกันในเวอร์ชั่นใหม่นี้ด้วย




Cloud Integration - เราจะเห็นลักษณะไอเดียที่คล้ายคลึงกับโครมโอเอส ปรากฎในฝั่งไมโครซอฟท์ด้วยเช่นกัน กับฟีเจอร์ที่สามารถซิงค์โครไนส์ระบบปฎิบัติการรุ่น8 ไว้บนคราวเซอร์เวอร์ ในชื่อ Windows Live SkyDrive ซึ่งน่าจะเป็นการโมดิฟรายด์ขยายประสิทธิภาพจาก Live SkyDrive ของเดิม




Portable Workspaces - ฟังก์ชันที่พกพาทั้งวินโดวส์ ให้สามารถนำไปใช้กับเครื่งอื่นๆ ได้ ซึ่งจะสามารถยัดลง flash drive ขนาดตั้งแต่ 16 GB ขึ้นไป แน่นอนว่าใช้ได้กับ Windows 8 ด้วยกัน เท่าันั้น!! ซึ่งหลักๆ แล้ว วินโดวส์ 8 ในเวอร์ชั่นแท็บเล๊ต กับ พีซีนั้น จะพกพาประสิทธิภาพเดียวกัน ภายใต้รายละเอียดปลีกย่อยที่แตกต่างกัน.

วันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2554

Corsair เปิดตัวเคสรุ่นใหม่ Carbide Series 500R

Corsair เปิดตัวเคสรุ่นใหม่ Carbide Series 500R



Corsair ได้ทำการเปิดเคสในระดับ Mid-Tower รุ่นล่าสุดนั่นก็คือ Carbide Series 500R โดยทาง Corsair ได้ออกเคส 500R มาพร้อมกันถึงสองสีให้เลือกใช้คือสีดำและแบบทูโทนขาว-ดำ สำหรับจุดเด่นของเคส Caribide 500R นี้ก็คือ ให้ความสำคัญกับเรื่องของแอร์โฟลว์ หรือการไหลเวียนของอากาศที่ดีนั่นเอง




ภายในของเคสทั้งรุ่นที่เป็นสีดำและรุ่นที่เป้นทูโทนขาว-ดำ จะมีตำแหน่งและขนาดที่ใช้ในการติดตั้งอุปกรณืต่างๆ เหมือนกันทุกประการ Caribide 500R นั้นจะมีตำแหน่งของการติดตั้งพาวเวอร์ซัพพลายอยู่ทางด้านล่างของเคส พร้อมด้วยพื้นที่สำหรับติดตั้งพัดลมระบายอากาศมากมายหลายตำแหน่ง ช่วยให้ระบายความร้อนได้ดีแม้ว่าไม่ได้ใช้งานในห้องแอร์ก็ตาม




Warranty: Two years
Dimension: 20.5” x 8.1” x 20”
MB Support: ATX, mATX
Expansion: Slots 8
Form Factor: Mid-tower
Material: Steel structure with molded ABS plastic accent pieces
Drive Bays: (x4) 5.25", (x6) 3.5"/2.5" Drive Caddies
Cooling: (x6) 120mm/140mm fan mounts,

(x4) 120mm fan mounts, Includes

(x1) 200mm side panel fan

(x2) front-mounted 120mm fans, and

(x1) rear 120mm fan

Front I/O: (x2) USB 3.0,

(x1) IEEE1394,

(x1) Headphone,

(x1) MIC, Power, Reset, Lighting toggle switch

Power Supply: ATX (not included)

AMD FX ซีพียูตัวแรงรุ่นล่าสุดจากเอเอ็มดี

AMD FX ซีพียูตัวแรงรุ่นล่าสุดจากเอเอ็มดี




เมื่อวันที่ 12 ตุลาคมที่ผ่านมา เอเอ็มดีได้ทำการเปิดตัวซีพียูรุ่นใหม่ขื่อว่า AMD FX โดยซีพียูในกลุ่ม AMD FX นั้นจะประกอบไปด้วยซีพียูแบบ 8 คอร์ 6 คอร์ และ 4 คอร์ โดยจุดเด่นของซีพียูในตระกูล AMD FX นั้นก็คือเป็นซีพียูที่ออกแบบมาสำหรับผู้ที่ต้องการซีพียูประสิทธิภาพสูง และสามารถที่จะปรับแต่งประสิทธิภาพด้วยการโอเวอร์คล๊อกได้อย่างอิสระ เพราะซีพียูในกลุ่ม AMD FX นี้จะไม่มีการล๊อกตัวคูณ



ส่วนความแตกต่างสำคัญของ AMD FX กับ AMD Fusion APU ก็คือซีพียูในกลุ่ม AMD FX นั้นจะไม่มีการรวมกราฟิกชิปไว้ในตัว จะมีเพียงส่วนของซีพียูและตัวควบคุมหน่วยความจำเท่านั้น





AMD FX นั้นมีชื่อรหัสในการพัฒนาว่า Zambezi แต่หลายท่านอาจจะเคยได้ยินมาว่า AMD FX คือ Bulldozer ไม่ใช่หรือ เรื่องนี้ต้องแยกออกเป็นสองส่วนครับ Bulldozer นั้นเป็นชื่อของสถาปัตยกรรมในส่วนที่เป็นแกนหรือคอร์สำหรับการประมวลผล ข้อมูลครับ ส่วน Zambezi นั้นเป็นชื่อรหัสในการพัฒนาชิป AMD FX ทั้งหมดครับ ซึ่งจะประกอบไปด้วยคอร์ประมวลผล Bulldozer จำนวน 4 คอร์ 6 คอร์ 8 คอร์ ก็แล้วแต่รุ่นของซีพียูครับ แต่โดยพื้นฐานของซีพียูที่จะสร้างจากสถาปัตยกรรมของ Bulldozer นั้นขั้นต่าจะต้องเป็นซีพียูแบบ 2 คอร์ หรือ Dual-Core เนื่องจากเอเอ็มดีได้ทำการออกแบบโครสร้างพื้นฐานของ Bulldozer ไว้ในลักษณะของแกนประมวลผลแบบคู่นั่นเอง



ซึ่งการออกแบบในลักษณะที่แกนประมวลผลแบบคู่นี้ก็เพราะเอ เอ็มดีต้องการแร่งประสิทธิภาพในการประมวลผลในการทำงานให้สามารถสู้กับระบบ ไฮเปอร์เธรดของอินเทลนั่นเอง เพราะซีพียูที่มีคอร์ประมวลผลแกนเดียวของอินเทลเมื่อเพิ่มคุณสมบัติไฮเปอร์ เธรดเข้าไปจะทำให้มีความสามารถในการประมวลผลเหมือนกับซีพียูแบบสองแกนนั่น เอง แต่เอเอ็มดีมองว่าการสร้างแกนประมวลผลขึ้นมาจริงๆ อีกหนึ่งแกนจะให้ประสิทธิถาพในการทำงานที่ดีกว่า ซึงตรงนี้ก็ต้องรอดูผลการทดสอบเป็นหลักครับถึงจะบอกได้ว่าวิธีการไหนที่ดี กว่า


ทางเอเอ็มดีได้ตั้งเป้าหมายการออก AMD FX ไว้ด้วยกันทั้งหมด 7 รุ่นด้วยกัน โดยจะเป็นซีพียูแบบ 8 คอร์ สามรุ่น ซีพียูแบบ 6 คอร์ หนึ่งรุ่น และซีพียูแบบ 4 คอร์ อีกสามรุ่น ซึ่งมีรายละเอียดตามตารางข้างล่างนี้




จากตารางคุณสมบัติของซีพียูเราจะเห็นได้ว่าจำนวน L2 นั้นจะแปรผันไปตามจำนวนของคอร์ที่ใช้ในการประมวลผล ส่วน L3 ซึ่งเป็นหน่วยความจำที่ช่วยให้คอร์แต่ละชุดสามารถแชร์ข้อมูลร่วมกันได้นั้น จะมีขนาดเท่ากันทุกรุ่นคือ 8MB





ซีพียู AMD FX จะมาในแพคเกจของซ็อกเก็ต AM3+ ซึ่งสามารถใช้งานร่วมกับเมนบอร์ดแบบ AM3 แบบเดิมได้ แต่ผู้ที่ใช้เมนบอร์ด AM3 จะต้องการตรวจสอบกับทางเว็บไซต์ของเมนบอร์ดอีกครั้งว่าจะต้องทำการอัปเด ตไบออสด้วยหรือไม่ โดยปกติแล้ว AMD FX จะทำงานร่วมกับชิปเซต 990FX, 990X และ 970 ซึ่งออกแบบมาเพื่อการรองรับซ็อกเก็ต AM3+ แต่อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่าเราสามารถติดตั้ง AMD FX บนเมนบอร์ดซ็อกเก็ต AM3 ได้ ดังนั้นตัว AMD FX จึงสามารถทำงานร่วมกับชิปเซตรุ่นเดิมอย่าง 890FX, 890GX, 880G, 870 และอาจจะรวมไปถึง 770 และ 760G ในเมนบอร์ดบางยี่ห้อบางรุ่นอีกด้วย อย่างที่บอกครับว่าอย่าลืมตรวจสอบกับผู้ผลิตเมนบอร์ดอีกครั้ง
ส่วนทางเอเอ็มดีวางเจ้า AMD FX ไว้ชนกับซีพียูจากอินเทลตัวไหนบ้างก็ดูได้จากรูปข้างล่างนี้ครับ


credit
http://www.quickpcextreme.com/blog/?p=13545

Intel Sandy Bridge-E & X79 คู่หูความแรงซีรี่ย์ใหม่จากอินเทล

Intel Sandy Bridge-E & X79 คู่หูความแรงซีรี่ย์ใหม่จากอินเทล



อินเทลได้ฤกษ์เปิดตัวซีพียูพร้อมกับชิปเซ็ตใหม่รุ่นล่าสุดที่จะมาสานต่อ ความแรง ต่อจากซีพียู 6 คอร์จากตระกูล Gulftown บนซ็อกเก็ต LGA 1136 ชิปเซ็ต X58 โดยมาคราวนี้จะเปลี่ยนมาใช้ชิปเซ็ต Intel X79 แทนพร้อมกับซ็อกเก็ต LGA 2011 เพื่อรองรับซีพียู Intel Sandy Bridge-E เจเนเรชั่นใหม่สำหรับซีพียูในแบบ 32 nm โดยที่รุ่นใหญ่สุดก็จะเป็น Core i7-3960X ความเร็ว 3.3GHz ซึ่งเป็นซีพียูในแบบ 6 คอร์พร้อมขนาดของ L3 Cache ที่สูงถึง 15MB


ส่วนอีกสองรุ่นที่จะตามออกมาด้วยก็คือ Core i7-3930K ที่มีความเร็ว 3.2GHz เป็น 6 คอร์เหมือนกันแต่จะต่างตรงที่รุ่นนี้มีขนาด L3 Cache แค่ 12MB เท่านั้น และรุ่นสุดท้ายก็คือ Core i7-3820 ความเร็ว 3.6GHz ดูจะมีความเร็วที่มากกว่าอีกสองรุ่นแต่ที่เป็นรุ่นล่างสุดก็เพราะเป็นเพียง รุ่นเดียวที่ยังเป็น 4 คอร์อยู่ ไม่ต่างจาก Core i7-2600K แต่จะต่างตรงที่ในรุ่นนี้มีขนาด L3 Cache ที่ 10MB


ทางด้านเทคโนโลยีเทอร์โบบูตก็จะอยู่ที่ระดับ 3.9GHz ทั้งสามรุ่น รวมไปถึงการใช้แรมในแบบ Quad Channel 1600MHz หรือแบบใส่ครบทั้ง 4 แถวนั่นเองเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งจะให้อัตราแบนด์วิธสูงสุดถึง 51.2GB/s เลยทีเดียว โดยถ้าเป็นในรุ่น Gulftown จะใช้เป็น Triple Channel หรือ 3 แถวเท่านั้น มีอัตราการใช้พลังงานที่ 130W เท่ากันทั้งสามรุ่น







credit
http://www.quickpcextreme.com/blog/?p=13545

ASUS SABERTOOTH 55i อีกหนึ่งความแรงจากเมนบอร์ดสายพันธ์ใหม่

ASUS SABERTOOTH 55i อีกหนึ่งความแรงจากเมนบอร์ดสายพันธ์ใหม่







พูดถึงเมนบอร์ดซีรีย์แรงๆ ของ ASUS หลายคนก็น่าจะนึกถึง ROG เป็นส่วนใหญ่เพราะไม่ว่าจะชิปเซ็ตไหนก็จะมีเมนบอร์ดจากซีรีย์นี้ออกมาเป็น เมนบอร์ดระดับสูงสุดโดยตลอด แต่มาครั้งนี้ ASUS ได้ทำการเปิดตัวซีรีย์ใหม่อีกรุ่นหนึ่ง ซึ่งน่าจะมาแชร์ส่วนแบ่งจากรุ่นพี่ได้ไม่มากก็น้อยทีเดียว ด้วยรูปร่างหน้าตาที่สวยไม่แพ้กัน อีกทั้งยังรวมเอาฟีเจอร์เด่นๆ ไว้อย่างมากมายเช่นกัน









ASUS SABERTOOTH 55i เมนบอร์ดในซีรีย์ Intel P55 อีกหนึ่งรุ่นที่ฉีกออกมาจากในตระกูล P7P55 ที่เป็นเมนบอร์ดหลักในท้องตลาดเพราะมีตั้งแต่รุ่นเล็กไปจนถึงรุ่นใหญ่เจาะ ทุกกลุ่มเป้าหมาย ส่วน Maximus ทั้ง Formula และ Gene จากตระกูล ROG จะเน้นหนักไปทางด้านยูสเซอร์ในระดับฮาร์ดคอร์ที่ต้องการความเป็นสุดยอดเป็น หลัก มีราคาค่อนข้างจะสูงกว่าในรุ่นอื่น แต่ก็แลกมาด้วยความสวยงามของตัวบอร์ดรวมไปถึงฟีเจอร์ต่างๆ ที่ต่างจากรุ่นอื่นๆ





ส่วนในรุ่นที่ออกมาใหม่ในครั้งนี้นั้นน่าจะกลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ น่าจะได้รับความสนใจไม่แพ้ในรุ่น ROG เพราะไม่ว่าจะเป็นหน้าตาของตัวแพ็กเกตหรือการดีไซน์ตัวบอร์ดทำได้อย่างสวย งามไม่แพ้กัน รวมไปถึงทางด้านการโอเวอร์คล็อกก็ได้รับการการันตีว่ายอดเยี่ยมเลยทีเดียว โดยชื่อที่ใช้เรียกซีรีย์นี้ก็คือ TUF หรือ The Ultimate Force เรียกว่าเพียงแค่ชื่อซีรีย์ก็กินขาดแล้วน่าจะเรียกความนิยมกับผู้ที่ชื่นชอบ ความแปลกใหม่ได้ไม่น้อยทีเดียว





ซีพียูที่รองรับก็จะเป็นซีพียูในตระกูล Lynnfield 45 nm และใช้ซ็อกเก็ต 1156 โดยที่ออกมาวางขายในตอนนี้ก็จะมีเพียง 3 รุ่นเท่านั้นคือ Core i5-750, Core i7-860 และ Core i7-870 สามารถใส่หน่วยความจำ DDR3 ได้ทั้งหมด 16GB ในโหมด Dual Channel โดยที่จะรองรับความเร็วได้สูงสุดที่ 2GHz หรือ 2000MHz





การควบคุมพอร์ตฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ SATA2 ทั้ง 6 พอร์ต ที่รองรับ RAID 0, 1, 5 และ 10 จะถูกควบคุมด้วยชิปเซ็ต P55 ส่วนทางด้านพอร์ต IDE UltraDMA 133 และ eSATA จะถูกควบคุมด้วยชิปเซ็ต JMicron JMB363 และที่เหลืออีกสองพอร์ตนั้นจะเป็น พอร์ต SATA2 ช่องทางพิเศษที่ควบคุมด้วย JMicron JMB322 ซึ่งจะรองรับเทคโนโลยี DriveXpert โดยสามารถเลือกได้ว่าจะให้ต่อฮาร์ดดิสก์คู่ในแบบ EZ Backup หรือแบบ Super Speed โดยถ้าเลือกแบบแรกก็จะเป็นการแบ็คอัพข้อมูลลงไดรฟ์ตัวที่สองได้อย่างรวดเร็ว และง่ายดายหรือถ้าเลือกแบบที่สองก็จะเป็นการเพิ่มความเร็วในการใช้งานให้สูง เป็นสองเท่าจากปรกตินั่นเอง





ภาคจ่ายไฟในรุ่นนี้จะดีไซน์ตามมาตรฐาน TUF Engine โดยมีทั้งหมด 16 เฟส แบ่งออกเป็นส่วนๆ คือ 12+2+2 ควบคุมในส่วนของ CPU, Mem และ VTT ใช้ TUF คาปาซิเตอร์ และ MOSFET คุณภาพสูงซึ่งจ่ายกระแสไฟได้นิ่งและมีความคงทนในระดับสูง ทำให้ช่วยยืดอายุการใช้งานของตัวบอร์ดให้ยาวนานมากยิ่งขึ้น พร้อมกับรองรับเทคโนโลยี E.S.P. (Efficient Switching Power) ที่ทำหน้าที่ในการควบคุมการจ่ายไฟให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งไม่เพียงแต่จะควบคุมเฉพาะซีพียูเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงสล็อตกราฟิกการ์ด และยังไปถึงตัวชิปเซ็ตอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Electrostatic discharge (ESD) ที่จะช่วยป้องกันปัญหาเรื่องไฟฟ้าสถิตที่อาจจะส่งผลให้ตัวแผงวงจรและชิปเซ็ต ต่างๆ มีปัญหาได้ ทำให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากยิ่งขึ้น





ตัวบอร์ดออกแบบมาได้อย่างสวยงามตามแบบฉบับของเมนบอร์ดในระดับฮาร์ดคอร์ ใช้สีในโทนเทาไปจนถึงน้ำตาลเข้ม มีการปรับเปลี่ยนการใช้ฮีทซิงค์เดิมๆ ที่เป็นอลูมิเนียมหรือทองแดงในส่วนของภาคจ่ายไฟซีพียูมาเป็นการใช้เซรามิก แทน ซึ่งถ้าจับดูจะเห็นได้ถึงความหยาบของตัววัสดุที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยจะเป็นซิงค์สีเขียวอ่อนที่ซอยฟินออกมาได้อย่างถี่ยิบอีกทั้งยังเสริมด้วย ฮีทไปป์จึงระบายความร้อนได้ค่อนข้างที่จะดีมาก มีปุ่มพาวเวอร์และรีเซ็ตมาให้ออนบอร์ดพร้อมกับปุ่ม MemOK ที่ช่วยให้เมนบอร์ดรุ่นนี้สามารถใช้งานกับหน่วยความจำรุ่นต่างๆ ได้อย่างไม่มีปัญหา อีกทั้งทางด้านข้างของสล็อตแรมยังมีที่ว่างสำหรับการติดตั้งตัวล็อคสำหรับ การนำเอาพัดลมมาติดเพื่อเป่าให้กับแรมได้โดยเฉพาะอีกด้วย เรียกว่าไม่ต้องมาวางด้านบนเหมือนที่ผ่านๆ มา





พอร์ตด้านหลังถึงจะใส่มาแบบเต็มพิกัดแต่ก็ไม่แออัดจนเกินไปเพราะมีการ เว้นช่องว่างระหว่างพอร์ตได้อย่างลงตัว มี USB 2.0 มาให้ 8 พอร์ต ส่วน eSATA, IEEE1394a และ LAN มีอย่างละหนึ่งพอร์ต ซาวน์ออนบอร์ดจะใช้เป็นชิปเสียง VIA VT2020 ที่รองรับเสียงรอบทิศทาง 10 แชนแนล พร้อมกับระบบเสียงในแบบ DTS Surround และ Absolute Pitch BD192/24 bit รวมไปถึงการลดเสียงรบกวนด้วยฟีเจอร์ ASUS Noise Filter





Specifications
























































































































































































































CPUIntel® Socket 1156 Core™ i7 Processor/Core™ i5 Processor Supports Intel® Turbo Boost Technology
ChipsetIntel® P55 Express Chipset
Memory4 x DIMM, Max. 16 GB, DDR3 2000/1800/1600/1333/1066 Non-ECC,Un-buffered Memory
Dual Channel memory architecture
Supports Intel® Extreme Memory Profile (XMP)
*Hyper DIMM support is subject to the physical characteristics of individual CPUs. Some hyper DIMMs only support one DIMM per channel. Refer to Memory QVL (Qualified Vendors List) for details.
**Please visit www.asus.com or refer to the user manual for the Memory QVL.
Expansion Slots2 x PCIe 2.0 x16 (single at x16 or dual at x8/x8 mode)
3 x PCIe 2.0 x1 (2.5GT/s)
2 x PCI
Multi-GPU SupportSupports NVIDIA® Quad-GPU SLI™ Technology
Supports ATI® Quad-GPU CrossFireX™ Technology
StorageIntel® P55 Express Chipset built-in
6 xSATA 3.0 Gb/s ports (black)
Intel Matrix Storage Technology Support RAID 0,1,5,10




JMicron® JMB363 PATA and SATA controller
1 xUltraDMA 133/100/66 for up to 2 PATA devices
1 xExternal SATA (SATA On-the-Go)
JMicron® JMB322 (DriveXpert Technology) :
- 2 x SATA 3.0 Gb/s ports (orange and white )
- Supports EZ Backup and SuperSpeed functions
*Drive Xpert function is available only when the hard disk drives are set as data drives

LANRealtek® 8112L PCIe Gigabit LAN controller featuring AI NET2
AudioVIA® VT2020 10-Channel High Definition Audio CODEC
- Absolute Pitch BD192/24 featuring ENVY HD
- DTS Surround Sensation UltraPC
- Supports Jack-Detection, Multi-streaming, Front Panel Jack-Retasking
- Optical S/PDIF out port at back I/O
- ASUS Noise Filter
IEEE 1394VIA® 6308P controller supports 2 x 1394a ports (one at mid-board; one at back panel)
USB14 USB 2.0/1.1 ports (6 ports at mid-board, 8 ports at back panel)
ASUS Unique FeaturesExclusive TUF Features
“TUF ENGINE!” Power Design
- 12-phase CPU Power
- 2-phase Memory Power
- 2-phase VTT_CPU Power
- E.S.P. : Efficient Switching Power Design for 3VSB/1.8V/1.05V
- TUF Cap. & MOSFET (certified by military-standard)
“Ultimate COOL!” Thermal Solution
- CeraM!X Heatsink Coating Tech.
- CoolMem!
- T.Probe Technology
- ASUS Fan Xpert
“Safe & Stable!” Guardian Angel
- MemOK!
- Drive Xpert
- ESD Guards
- EMI Eliminator
Special FeaturesASUS Q-Connector
ASUS Q-Shield
ASUS Q-LED (CPU, DRAM, VGA, Boot Device LED)
ASUS Q-Slot
ASUS Q-DIMM
ASUS CrashFree BIOS 3
ASUS EZ Flash 2
ASUS MyLogo 2
ASUS O.C. Profile
Multi-language BIOS
Back Panel I/O Ports1 x PS/2 Keyboard (Purple)
1 x PS/2 mouse port (Green)
1 x Optical S/PDIF Output
1 x IEEE1394a
1 x LAN (RJ45) port
1 x External SATA port
8 x USB 2.0/1.1
10-channel Audio I/O
Internal I/O Connectors3 x USB connectors support additional 6 USB ports
1 x IDE connector
6 x SATA connectors
1 x IEEE 1394a connector
1 x CPU Fan connector
1 x Power Fan connector
2 x Drive Xpert SATA connectors (orange and white)
2 x Chassis Fan connector (1×4-pin, 1×3-pin)
1 x Mem Fan connector
1 x COM port
Front panel audio connector
1 x S/PDIF Out Header
CD audio in
24-pin ATX Power connector
1 x 8-pin ATX 12V Power connector
System Panel(Q-Connector)
1 x MemOK! button
1 x Power on switch
1 x Reset switch
BIOS16 Mb Flash ROM , AMI BIOS, PnP, DMI2.0, WfM2.0, SM BIOS 2.5, ACPI 2.0a,
ManageabilityWfM 2.0,DMI 2.0,WOL by PME,WOR by PME,PXE
AccessoriesUser’s manual
1 x UltraDMA 133/100/66 cable
6 x SATA cable(s)
1 x 2-port USB and eSATA module
CoolMem Fan Frame
ASUS Q-Shield
2 in 1 Q-connector
1 x ASUS SLI bridge connector
Support DiscDrivers
Anti-virus software (OEM version)
ASUS Update
ASUS Utilities
Form FactorATX Form Factor
12 inch x 9.6 inch ( 30.5 cm x 24.4 cm )




อุปกรณ์ที่ใช้ในการทดสอบ









- Intel Core i5-870 2.93GHz@4.33GHz





- Kingston HyperX DDR3 2GHz 2GB Dual Channel





- Western Digital RE4-GP 2TB





- ATI Radeon HD 4870X2





- Windows Vista Ultimate SP1





- ATI Catalyst 9.9





























































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































CrystalMark 2004R3

Mark



261604

ALU



76896

FPU



76016

MEM



40589

HDD



15079

GDI



9040

D2D



3289

OGL



40695





PCMark 2005

PCMark



11331

CPU



12594

Memory



9099

Graphic



16934

HDD



6865





CineBench 9.5

Single CPU Render



860

Multi CPU Render



2971

C4D Shading Test



998

OpenGL Software Lighting



3918

OpenGL Hardware Lighting



9826





CineBench 10

Single CPU Render



4742

Multi CPU Render



19840

OpenGL Standard



10903





EVEREST Utimate Edition V.5

Memory Read



13290 MB/s

Memory Write



14427 MB/s

Memory Copy



15489 MB/s

Memory Latency



50.1 ns

CPU Queen



40298

CPU PhotoWorxx



30099

CPU Zilb



137231 KB/s

CPU AES



34517

FPU Julia



17869

FPU Mandel



9869

FPU SinJulia



7878





3DMark05

3DMark Score



34693

GT1 – Return To Proxycon



117.9

GT2 – Firefly Forest



93.5

GT3 – Canyon Flight



242.4

CPU Score



30881

CPU Test 1



19.9

CPU Test 2



21.3





3DMark06

3DMark Score



25478

SM2.0 Score



10187

HDR/SM3.0 Score



12344

CPU Score



6615

CPU1 – Red Valley



2.232

CPU2 – Red Valley



3.138





SiSoftware Sandra Professional Business 2009 SP2

Processor Arithmetic




Dhrystone iSSE4.2



107.82GIPS

Whetstone iSSE3



90.17GFLOPS

Processor Multi-Media




Multi-Media Int x8 iSSE4.1



189.05MPixel/s

Multi-Media Float x4 iSSE2



152.10MPixel/s

Multi-Media Double x2 iSSE2



79.11MPixel/s

Multi-Core Efficiency




Inter-Core Bandwidth



41.58GB/s

Inter-Core Latency



12ns

Memory Bandwidth




Int Buff’d iSSE2 Memory Bandwidth



15.21GB/s

Float Buff’d iSSE2 Memory Bandwidth



15.26GB/s





ผลการทดสอบ





ฟีเจอร์ Ai Overclock ที่ถือเป็นจุดเด่นของบอร์ดจาก ASUS ก็จะมีทั้งหมด 4 รูปแบบคือ Manual, Auto, D.O.C.P. และ X.M.P. โดยในส่วนของหน่วยความจำจะเลือกโปรไฟล์ได้ตามความเร็วสูงสุดของแรมรุ่นนั้นๆ ซึ่งสูงสุดถึง DDR3- 2133MHz ในด้าน BCLK ปรับได้ตั้งแต่ 80-500MHz PCIE ที่ 200MHz การปรับไฟเลี้ยง CPU และ IMC Voltage จะปรับได้สูงสุดที่ 1.7V ปรับได้ครั้งละ 0.00625V ส่วนถ้าทางด้านแรมจะปรับได้สูงสุดที่ 2.5V โดยปรับได้ครั้งละ 0.0125V และ PCH Voltage จะปรับได้ที่ 1.15V





การทดสอบในครั้งนี้เพื่อที่จะตรวจสอบว่าเมนบอร์ดรุ่นนี้หลังจากที่ เปลี่ยนฮีทซิงค์ในแบบทั่วๆ ไปมาใช้เป็นตัวเซรามิกแทนจะได้ผลดีกว่าอย่างไร เราจึงต้องทำการโอเวอร์คล็อกตัวซีพียูจากเดิมที่ Core i7-870 มีความเร็วมาตรฐานที่ 2.93GHz ไปเป็น 4.33GHz ซึ่งก็ผ่านได้อย่างสบายๆ ตามมาตรฐานของเมนบอร์ดระดับนี้ ด้วยความเร็วที่ 180MHz x 24 ส่งผลให้ตัวเมนบอร์ดย่อมต้องร้อนมากขึ้นกว่าปรกติอย่างแน่นอน





แต่จากการที่ทดสอบมาเป็นเวลายาวนานนับสิบชั่วโมงก็พบว่าตัวบอร์ดนั้นกลับ ไม่ได้ร้อนอย่างที่คิด ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของชิปเซ็ตหรือตรงส่วนของภาคจ่ายไฟซีพียู อีกทั้งยังมีอุณหภูมิที่ลดน้อยลงกว่าในรุ่นที่ใช้ฮีทซิงค์อลูมิเนียมหรือทอง แดงทั่วๆ ไปอีกพอสมควร โดยในส่วนของเมนบอร์ดอยู่ที่ 30 องศาเท่านั้น นับว่าเป็นนิมิตรหมายอันดีว่า ในรุ่นต่อๆ ไปเราก็อาจจะได้เห็นเมนบอร์ดที่เปลี่ยนมาใช้วัสดุชนิดนี้กันมากขึ้นเรื่อยๆ และน่าจะมีการพัฒนาให้สามารถลดความร้อนได้ดีกว่าเดิมอย่างแน่นอน





สรุป





เป็นอีกหนึ่งเมนบอร์ดสายพันธ์ใหม่จาก ASUS ที่น่าจะกลายเป็นอีกตัวเลือกสำหรับผุ้ที่อยากจะเปลี่ยนจากซีรีย์ ROG ไปใช้ในรุ่นอื่นๆ บ้าง ซึ่งถ้าดูจากสเปกและฟีเจอร์ที่รองรับแล้ว ก็แทบจะไม่ได้แตกต่างจากในรุ่น ROG มากนัก คงจะเป็นแต่ในด้านรูปร่างหน้าตาเท่านั้นที่ค่อนข้างจะแตกต่างกันอย่างเห็น ได้ชัด อีกทั้งตัวฮีทซิงค์ก็ยังเปลี่ยนมาใช้เซรามิกที่ระบายความร้อนได้อย่างยอด เยี่ยมเลยทีเดียว









จุดเด่น : ใช้เทคโนโลยี TUF Engine ซึ่งมีประสิทธิภาพในการจ่ายไฟได้อย่างมีเสถียรภาพ ส่วนของฮีทซิงค์เปลี่ยนมาใช้เซรามิกในการระบายความร้อนแทน





ข้อสังเกต : ไม่มีปุ่มสำหรับเคลียร์ซีมอส





Quick Score 89% Excellent





Contact : ASUSTEK COMPUTER (THAILAND) CO.,LTD.





Tel : 0-2677-4422-29





Price : Call















credit
http://www.quickpcextreme.com/blog/?p=13545

Hynix เปิดตัวแรม DDR4 พร้อมเดินสายการผลิตปีหน้า





Hynix เปิดตัวแรม DDR4 พร้อมเดินสายการผลิตปีหน้า








ข่าวล่าสุดรายงาน ว่า Hynix ได้เปิดตัวแรม 2Gb (Gigabit) DDR4 DRAM และ ECC-SODIMM (Error Check & Correction Small Outline Dual In-Line Memory Module) ซึ่งเป็นแรมที่มีพื้นฐานทางเทคโนโลยีมาจาก DDR4 แล้ว โดยทั้งคู่ใช้กระบวนการผลิต 30 นาโนเมตร รองรับมาตรฐาน JEDEC และได้รับการออกแบบมาเพื่อเซิร์ฟเวอร์ขนาดเล็กจุด เด่นของแรม DDR4 ที่กำลังจะกลายมาเป็นมาตรฐานในอนาคตอันใกล้คือใช้พลังงานน้อยกว่าแต่สามารถ รับส่งข้อมูลเร็วกว่า DDR3 รุ่นปัจจุบัน โดยรุ่นที่เร็วสุดคือ 2400Mbps (Megabits per second) ซึ่งมากกว่า DDR3 1333Mbps ถึง 80% แต่กินพลังงานเพียง 1.2V เท่านั้น และสามารถรับส่งข้อมูลคิดเป็น GB (Gigabytes) ได้มากสุดถึง 19.2GB ต่อวินาทีภายใต้การทำงาน 64 บิต


ทาง Hynix เตรียมเดินสายการผลิตแรม DDR4 เป็นจำนวนมากในช่วงครึ่งหลังของปี 2012 ในขณะที่ iSuppli บริษัทวิจัยด้านการตลาดชื่อดังคาดว่า สัดส่วนของแรม DDR4 จะเพิ่มขึ้นจาก 5% ในปี 2013 เป็น 50% ภายในปี 2015 และจะกลายเป็นมาตรฐานในที่สุด ในขณะเดียวกันสัดส่วนของแรม DDR3 จะขึ้นสู่จุดสูงสุดที่ 71% ในปี 2012 และจะค่อยๆ ลดลงเหลือ 49% ภายในปี 2014 ครับ

เอซุส แนะนำกราฟฟิกการ์ด 2 รุ่นล่าสุด


เอซุส แนะนำกราฟฟิกการ์ด 2 รุ่นล่าสุด




เอซุส แนะนำกราฟฟิกการ์ด 2 รุ่นล่าสุดENGT 520 SILENT และ ENGTX 560 DirectCU II TOPสุดยอดการโอเวอร์คล็อก พร้อมการระบายความร้อนแบบไร้พัดลมเอาใจคอเกมและผู้หลงใหลความบันเทิงแบบโฮ มเธียเตอร์


เอซุส ขอเสนอ กราฟฟิกการ์ดขนาดเล็ก รุ่น ENGT 520 SILENT เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพสูงสำหรับโฮมเธียเตอร์พีซีโดยเฉพาะ มาพร้อมดีไซน์แบบไร้พัดลมเพื่อการระบายความร้อนได้อย่างเงียบสนิท และกราฟฟิกการ์ดรุ่น ENGTX 560 DirectCU II TOP เทคโนโลยีล่าสุดของ NVIDIA® GTX 560 โดดเด่นด้วยความสามารถด้านโอเวอร์คล็อกให้เร็วยิ่งขึ้น ด้วยฟีทเจอร์พิเศษ Voltage Tweak

กราฟฟิกการ์ด รุ่น ENGT 520 SILENT โดดเด่นด้วยดีไซน์แบบไร้พัดลม เพื่อการระบายความร้อนได้อย่างเงียบสนิทและมีประสิทธิภาพ มาพร้อม GPU รุ่น NVIDIA® GeForce® GT 520 จึงเป็นกราฟฟิกการ์ดขนาดเล็กเพื่อการเล่นเกมและความบันเทิงมัลติมีเดียสำ หรับโฮมเธียเตอร์พีซีและมัลติมีเดียเซ็นเตอร์อย่างแท้จริง

กราฟฟิกการ์ด รุ่น ENGT 520 พร้อมฟีทเจอร์ DirectX®11 รองรับเทคโนโลยีด้านกราฟฟิกใหม่ล่าสุดอย่าง NVIDIA® PhysX® และ CUDA™ เหมาะสำหรับการเล่นเกม การตัดต่อวิดีโอและภาพถ่าย และฟีทเจอร์ Dual-link DVI สามารถแสดงผลบนหน้าจอได้ที่ความละเอียดสูงสุดถึงระดับ 2560x1600 ทั้งหมดนี้บรรจุอยู่ภายใต้ฮาร์ดแวร์ขนาดเล็กเพื่อความสะดวกสบายในการใช้งาน

ควงแขนมากับกราฟฟิกการ์ดรุ่น ENGTX 560 DirectCU II TOP เต็มคุณสมบัติพิเศษด้วยพัดลมคู่แบบ DirectCU II ช่วยทำความเย็นได้เพิ่มขึ้นถึง 20% เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของกราฟฟิกการ์ดให้มีความทนทานขึ้น เพราะความร้อนจากตัวเครื่องลดลง ทำให้ผู้ใช้สามารถโอเวอร์คล็อกกราฟฟิกการ์ดได้แม้ในขณะที่ต้องทำงานหนัก

นอกจากนี้กราฟฟิกการ์ดรุ่น ENGTX 560 DirectCU II TOP ยังมาพร้อม Super Alloy Power เทคโนโลยีลิขสิทธิ์เฉพาะของเอซุส ทำหน้าที่ในการจ่ายไฟ โดยจะช่วยเพิ่มสมรรถนะการใช้งานให้ยาวนานยิ่งขึ้น พร้อมช่วยยืดอายุการใช้งานได้ถึง 2.5 เท่า อีกทั้งยังสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ที่รักการโอเวอร์คล็อกและการ ปรับแต่งสมรรถนะฮาร์ดแวร์ด้วย Voltage Tweak เทคโนโลยีเพื่อการเพิ่มแรงดันไฟฟ้า ให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งการจ่ายไฟของการ์ดได้เร็วขึ้นอีกด้วย

เอซุส กราฟฟิกการ์ดทั้ง 2 รุ่น เปิดตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมให้คุณสัมผัสก่อนใครได้แล้ววันนี้ที่ร้านตัวแทนจำหน่ายเอซุสทั่วประเทศ หรือดูข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่ www.asus.co.th

เกี่ยวกับเอซุส

เอซุส หนึ่งในสามสุดยอดผู้นำจำหน่ายโน้ตบุ๊กระดับโลก และผู้ผลิตมาเธอร์บอร์ดที่มียอดขายและได้รับรางวัลมากที่สุดในโลก ซึ่งเป็นองค์กรผู้นำในยุคดิจิตอลใหม่ เอซุสออกแบบและผลิตสินค้าที่ตอบสนองความต้องการของครัวเรือน, สำนักงาน และบุคคลทั่วไปในยุคดิจิตอลได้อย่างลงตัวด้วยสายผลิตภัณฑ์มากมายไม่ว่าจะ เป็นมาเธอร์บอร์ด, กราฟิกการ์ด, จอภาพ, คอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป, โน้ตบุ๊ก, เน็ตบุ๊ก, เซิร์ฟเวอร์, มัลติมีเดีย, โซลูชั่นไร้สาย, อุปกรณ์ด้านเครือข่ายและโทรศัพท์มือถือ ด้วยความมุ่งมั่นของเอซุสในการพัฒนานวัตกรรมและคุณภาพทำให้คว้ารางวัลถึง 3,398 รางวัลในปี 2010 และได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางจากการคิดค้น Eee PC™ แก่อุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ เอซุสมีพนักงานทั่วโลกกว่า 10,000 คน พร้อมทีมงานวิศวกรเพื่อพัฒนาวิจัยและออกแบบผลิตภัณฑ์ระดับโลกจำนวน 3,000 คน เอซุสมีผลประกอบการในปี 2010 กว่า 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ

HP Envyโน้ตบุ๊ก 3 มิติ บุกตลาด

HP Envyโน้ตบุ๊ก 3 มิติ บุกตลาด




นายพงศ์ธวัช พิเชฐเลอมานวงศ์ ผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์และการตลาด กลุ่มธุรกิจเพอร์ซันนัล ซิสเต็มส์ บริษัท ฮิวเลตต์-แพคการ์ด (ประเทศไทย) กล่าวว่า ไอดีซีคาดว่าตลาดโน้ตบุ๊กปีนี้จะมีถึง 2.2 ล้านเครื่องเติบโตขึ้น 20% จากปีที่ผ่านมาซึ่งมียอดรวม 1.8 ล้านเครื่อง โดยเครื่องระดับราคาไม่เกิน 1.5 หมื่นบาทมีส่วนแบ่ง 28% ขณะที่ระดับกลางจนถึงระดับสูงที่มีราคามากกว่า 3หมื่นบาท มีสัดส่วนตลาดมากถึง 70% ที่เหลืออีก 2% เป็นเครื่องที่มีนวัตกรรมใหม่ๆ ประสิทธิภาพสูงแต่เป็นตลาดที่มีกำลังซื้อสูงเอชพีจึงมองเห็นโอกาสที่จะรุก เข้าตลาดนี้เพิ่มขึ้น


ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เอชพีทดลองตลาดระดับไฮเอนด์ด้วยโน้ตบุ๊กตระกูล Envy ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จและในปีนี้เอชพีจะเน้นการทำตลาด Envy ในไทยมากขึ้น โดยเปิดตัว Envy17 3D โน้ตบุ๊กขนาดจอภาพ 17 นิ้วใช้ซีพียูอินเทลที่เป็นคอร์ไอ7 ตัวเครื่องเป็นแมกนีเซียม อัลลอยด์ พร้อมนวัตกรรมเด่นๆ 3 เทคโนโลยี คือ 1.เทคโนโลยี 3 มิติที่มาครบตั้งแต่จอภาพ จนถึงกล้อง 3 มิติ และยังมาพร้อมกับซอฟท์แวร์ Tridef 3D ที่แปลงคอนเทนต์ 2 มิติให้กลายเป็น 3 มิติได้ทันที 2.ด้านเสียง ที่ใช้เทคโนโลยี Beats ที่ให้เสียง 3 มิติ และสุดท้าย เทคโนโลยีการเชื่อมต่อแบบไร้สาย ที่ให้คุณภาพแบบ ฟลูเอชดีจริงๆ


"ราคา ของ Envy รุ่นใหม่นี้ ไม่รวมหูฟัง Beast อยู่ที่ 74,500 บาท ทั้งหมดนี้เป็นการตอกย้ำถึงปรัชญาการออกแบบ MUSE 2.0 ของเอชพี ที่ให้ความสำคัญกับนวัตกรรมใหม่ๆ ใช้งานง่าย ได้ประสบการณ์ที่ดี"


นาย พงศ์ธวัช ยอมรับว่า ตลาดโน้ตบุ๊กไฮเอนด์ถึงแม้จะมีเพียง 1-2% ของตลาดก็ตาม แต่ถือว่า เป็นตลาดที่มีกำลังซื้อและมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ Envy รุ่นใหม่นี้ ตลาดหลักจะเป็นกลุ่มผู้ที่ต้องการเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูง รวมไปถึงกลุ่มเกมเมอร์ที่ต้องการเครื่องเล่นเกม 3 มิติ


"การ นำEnvy 3 มิติเข้ามาทำตลาดจะเป็นส่วนเสริมให้เอชพีมีไลน์อัปในส่วนโน้ตบุ๊กในระดับ ราคาสูงกว่า 5 หมื่นบาทเพิ่มขึ้น และเชื่อว่าจะทำให้เอชพีมีส่วนแบ่งการตลาดเครื่องตั้งแต่ราคา 3 หมื่นขึ้นไปเพิ่มขึ้นจาก 10% เป็น 30% ภายในปีนี้"

โน้ตบุ๊ค 3D ไม่ง้อแว่นเครื่องแรกของโลก

โน้ตบุ๊ค 3D ไม่ง้อแว่นเครื่องแรกของโลก

และแล้วความฝันของผู้ใช้โน้ตบุ๊ค 3D ก็กลายเป็นจริงสักที เมื่อโตชิบา (Toshiba) ประกาศเปิดตัว Toshiba Qosmio F750 3D โน้ตบุ๊ครุ่นแรกของโลกที่สามารถให้ผู้ใช้ได้สัมผัสประสบการณ์ในการรับชม ภาพยนตร์จนถึงเกมส์ 3 มิติได้โดยไม่ต้องสวมใส่แว่นตาพิเศษแต่อย่างใด

Toshiba คาดว่าโน้ตบุ๊ค Qosmio F750 3D จะสามารถวางตลาดได้ในช่วงเดือนสิงหาคม ศกนี้ โดยสนนราคาของโน้ตบุ๊ค 3D รุ่นไม่ง้อแว่นเครื่องแรกของโลกจะอยู่ที่ 2,100 เหรียญฯ หรือประมาณ 65,000 บาท โดยมาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลสามมิติขนาด 15.6 นิ้ว (ความละเอียด 1920x1280) และทำงานด้วยโพรเซสเซอร์ Intel Core i7 ส่วนองค์ประกอบอื่นๆ ของเครื่องก็จะมีฮาร์ดดิสก์ 640GB หน่วยความจำ DDR3 RAM 6GB การ์ดแสดงผลกราฟิกบนบอร์ดจะเป็น GeForce GT540 ของ NVIDIA ซึ่งสเป็กทั้งหมดนี้ ตอบโจทย์ผู้ใช้ที่ต้องการโน้ตบุ๊คมัลติมีเดีย และเกมส์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ





Toshiba Qosmio F750 3D จะ มาพร้อมกับหน้าจอ 3D ที่ใช้เทคโนโลยีเลนส์พิเศษทีทำให้มันสามารถสามารถแสดงภาพ 3D ได้โดยผู้ใช้ไม่ต้องสวมแว่นตา โดยทำงานร่วมกับเทคโนโลยีตรวจจับการมองของสายตา (Eye-tracking) ซึ่งทำให้ผู้ชมมองเห็นเอฟเฟกต์ 3D ได้ ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนของหน้าจอก็ตาม นอกจากนี้ Qosmio F750 3D ยังสามารถแสดงผลคอนเท็นต์ 2D และ 3D พร้อมกัน โดยผู้ใช้สามารถท่องเว็บ 2D ในบราวเซอร์ไปพร้อมกับชมคอนเท็นต์ 3D ที่กำลังแสดงผลอยู่ในอีกหน้าต่างหนึ่งได้ ในส่วนของคุณสมบัติอื่นๆ ของโน้ตบุ๊ค Toshiba Qosmio F750 3D ก็จะมีเว็บแคม ลำโพง Harmon Kardon ระบบเสียงดอลบี้ (Dolby Advacned Audio) ไดรฟ์ Blu-ray การเชื่อมต่อ Wi-Fi และพอร์ตใช้งานต่างๆ ครบครัน งานนี้คอเกมส์ หรือผู้ต้องการโน้ตบุ๊คมัลติมีเดียพลาดไม่ได้จริงๆ

วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2554

Mozilla Seabird มือถือแห่งอนาคต




เมื่อเจ้าพ่อบราวเซอร์อย่าง Mozilla Firefox หันมาเอาดีทางด้าน Smart Phone ซึ่งทาง Mozilla Labs ได้นำเสนอคอนเซปต์สมาร์ทโฟนชื่อว่า Seabird มาดูกันครับว่าเจ้า Mozilla Seabird จะมีดีอะไรบ้าง






สำหรับคอนเซปต์ Seabird สมาร์ทโฟนที่ทาง Mozilla Labs ได้ดีไซน์ตัวเครื่องนั้นมีคุณสมบัติ และความสามารถในการทำงานด้านต่างๆ ได้อย่างน่าอัศจรรย์ ว่ากันตั้งแต่สเป็กพื้นฐานอย่างหน้าจอสัมผัสที่สมบูรณ์แบบ กล้องดิจิตอลที่มีความละเอียดถึง 8 ล้านพิกเซล ตามด้วย โปรเจ็กเตอร์ขนาดจิ๋ว 2 ตัว ที่มีความสว่าง 45 ลูเมนส์ และความละเอียด 960x600 พิกเซล Seabird นั้นใช้เทคโนโลยีในการชาร์จแบบไร้สาย ( Wireless Charger ) พอร์ต mini-USB โดยทีด้านหลังจะมีหูฟังไร้สายที่สามารถถอดออกจากตัวเครื่องได้







มาดูกันต่อเลยว่าเจ้า Mozilla Seabird ทำอะไรได้บ้าง? ประการแรกเลยก็คือ มันใช้งานแบบมือถือทั่วไปได้ ส่วน หูฟังบลูทูธจะทำงานได้ 2 อย่างคือ ใช้เป็นหูฟัง หรือใช้แทนเมาส์ไร้สาย 3 มิติ โดยสามารถใช้นิ้วสัมผัสด้านหลังแทนการคลิกเมาส์ได้อีกด้วย ส่วนโปรเจ็กเตอร์ที่มี 2 ตัว เพราะเมื่อคุณนำ Seabird วางบนแท่นโดยหันด้านข้าง Projector ด้านหนึ่งจะฉายภาพหน้าจอ และอีกด้านหนึ่งฉายลงบนพื้นเป็นคีย์บอร์ดแสงพร้อมทัชแพด สำหรับการท่องอินเตอร์เน็ต ดูหนัง และการใช้งาน บนหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น เห็นแบบนี้อยากใช้กันแล้วใช่มั่ยครับ งั้นเอาวีดีโอไปดูเรียกน้ำย่อยกันก่อน



OLED เทคโนโลยีใหม่สำหรับจอภาพ









OLED ( Organic Light Emitting Devices ) ทางบริษัท TDK ได้นำเสนอเทคโนโลยี OLED จอแสดงผลรุ่นใหม่ที่มีคุณสมบัติคล้ายฟิล์ม คือมีความโปร่งใสจนสามารถมองเห็นทะลุได้ และจะเปล่งแสงเมื่อได้รับ พลังงานไฟฟ้า นอกจากนี้ยังสามารถแสดงภาพในขณะที่จอถูกดัดให้โค้งงอได้อีกด้วย ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบของเทคโนโลยีจอแสดงผลชนิดนี้ที่เหนือกว่าจอที่ทำจาก แก้วที่แตกร้าวได้ง่าย
















TDK คาดว่าจะเริ่มผลิตฟิล์มแสดงผลภายในหนึ่งปี นั่นหมายความว่า เราอาจจะได้เห็นมือถือที่ใช้จอ OLED ชนิดนี้ก่อนสิ้นปี 2011 ก็ได้ โดยนอกจากจะผลิตจอแสดงผลดังกล่าว เพื่อใช้กับมือถือแล้ว TDK ยังมองว่า ฟิล์มแสดงผลชนิดนี้ยังเหมาะกับเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้สวมใส่ (wearable electronics) อย่างเช่น แว่นตาแสดงผล Augmented Reality ที่สามารถมองเห็นสิ่งที่ตรงหน้า และภาพกราฟิกที่ปรากฎบนฟิล์ม OLED ที่ใช้แทนกระจกแก้ว หรือด้วยความที่มันมีความยืดหยุ่นโค้งงอได้






















ในบูธของ TDK ยังได้มีการนำเสนอสายรัดข้อมือที่มาพร้อมกับฟิล์มแสดงผลชนิดนี้ รวมถึงใน อนาคตสามารถพัฒนาเป็นวิวไฟน์เดอร์ของกล้องถ่ายรูป หรือแม้แต่ใช้หน้าจอชนิดนถ่ายรูปสำหรับ Cameraphone ได้เลย จุดเด่นของเทคโนโลยีนี้ก็คือ ภาพที่สว่างสดใสจนสามารถมองเห็นภายใต้แสงสว่างในธรรมชาติ และพวกที่ชอบก้ม หน้าดูมือถือเวลาเดินก็จะไม่ตกท่อ เพราะจอใส :สำหรับต้นแบบที่นำมาโชว์จะมีขนาด 2 และ 3.5 นิ้ว แต่จะมีความละเอียดสูงถึง 200 พิกเซลต่อนิ้ว